|
ค่าเงินบาทวันนี้ 9/3/66 เปิดที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่บยนแปลง | |
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง 35.07 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.15 บาทต่อดอลลาร์ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า แนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มเข้าสู่โหมด Wait and See หรือ รอประเมินข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองอย่างชัดเจน ทำให้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงระยะสั้น โซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งยังคงเห็นความต้องการซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้เล่นในตลาดอยู่ อาทิ บรรดาผู้นำเข้าและบริษัทข้ามชาติ ส่วนโซนแนวต้านสำคัญของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 32.25 บาทต่อดอลลาร์ (ถ้าอ่อนค่าทะลุระดับดังกล่าว ก็อาจอ่อนค่าต่อทดสอบ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ได้) บรรดาผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ทำให้ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนปิดตลาด +0.14% หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP รวมถึง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ยังคงออกมาดีกว่าคาด สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและตึงตัว ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool โอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคม ได้เพิ่มสูงขึ้น สู่ระดับเกือบ 80% ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ยังคงสนับสนุนแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด พร้อมกับเปิดโอกาสการเร่งขึ้นดอกเบี้ย (+50bps) ในการประชุมเดือนมีนาคม ทำให้ บอนด์ยีลด์ในฝั่งสหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ 2 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 5% ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.98% ทั้งนี้คงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น โดยอาจประเมิน Break-even yield (คิดจาก Current Yield/Duration) ในการช่วยประเมินจุดเข้าซื้อที่มีความเสี่ยงเหมาะสม อาทิ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ 4% ขึ้นไป ก็อาจมี Break-even yield > 40bps ซึ่งถือว่า เป็นระดับที่เผื่อโอกาสการปรับตัวขึ้นไปพอสมควร แต่ถ้าเป็นบอนด์ระยะสั้นอย่าง บอนด์ยีลด์ 2 ปี สหรัฐฯ ปัจจุบัน อยู่ที่ 5% Break-even yield อาจสูงกว่า 200-250bps ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดพอสมควร อ้างอิงข่าวเศรษฐกิจ | |
ผู้ตั้งกระทู้ asd :: วันที่ลงประกาศ 2023-03-09 15:04:16 |
Visitors : 675955 |