google-site-verification: google21ff53b6214323df.html แฉกลยุทธ์เว็บพนัน เปิด 7 อคติจ...


แฉกลยุทธ์เว็บพนัน เปิด 7 อคติจุดล่อลวง


  แฉกลยุทธ์เว็บพนัน เปิด 7 อคติจุดล่อลวง

 

สถานการณ์ปัจจุบัน “คนไทยยังคงตกเป็นเหยื่อการพนัน” ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ช่วงโควิด–19 ระบาดเป็นต้นมา “ผู้เล่นหน้าเก่า และผู้เล่นหน้าใหม่” ทยอยเคลื่อนย้ายเข้าหาการเสี่ยงโชคบนโลกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์แฝงโฆษณามากับรูปภาพ คลิปวิดีโอ ที่จัดโปรโมชันจูงใจมากมาย

ตามรายงาน “ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน” สำรวจพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ 2566 มีเด็กและเยาวชนอายุ 15-25 ปีหลงเข้าสู่การเล่นพนันออนไลน์ราว 3 ล้านคน ในจำนวนนี้ 7.3 แสนคน เป็นนักพนันออนไลน์หน้าใหม่ ประมาณการเงินหมุนเวียนต่อปี 58,675 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเล่นคนละ 1,633 บาท/เดือน

สะท้อนว่า “ธุรกิจพนันออนไลน์” มีพัฒนาการทางการตลาด “เพื่อให้คนเข้าสู่วงจรพนันออนไลน์” จึงไม่แปลกใจหากใครจะหลงเข้าไปอยู่ในวงการนี้ทำให้ “มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และ สสส.” ได้ออกแคมเปญ “หนามยอกเอาหนามบ่ง รู้ทันพนันออนไลน์” อันเป็นการรณรงค์ไม่ให้เริ่มเล่นตั้งแต่ครั้งแรก

ผ่านไอเดียสร้างสรรค์ “แฉกลยุทธ์พวกเว็บพนัน” ในสไตล์เพื่อนเตือนเพื่อน กระตุ้นเตือนให้เยาวชนได้เห็นถึงชีวิตที่พังจากพนันออนไลน์ก่อนจะเริ่มเล่นจาก “วิธีการผลิตคลิปวิดีโอ” ด้วยการนำคลิปโฆษณาพนันกระจายบนออนไลน์ “ใช้โฆษณาดึงดูดเยาวชน” นำมาดัดแปลงให้เป็นสื่อที่ป้องกันและเตือนเยาวชน

เพื่อกระตุ้นเตือนให้ได้เห็นถึงปัญหาสะท้อนผ่าน ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกว่า นับตั้งแต่ช่วงโควิด-19 “ธุรกิจการพนันออนไลน์ขยายเติบโตขึ้นกว่า 100%” ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเว็บไซต์และจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังปรากฏพบกลยุทธ์สารพัดวิธีใหม่ๆ ออกมาเพื่อดึงคนเข้าไปเป็นลูกค้า

เป้าหมายไม่ใช่แค่ “เจเนอเรชันคนรุ่นใหม่แต่ยังขยายถึงคนรุ่นเก่า” เพราะเทคโนโลยีสามารถใช้งานได้ง่ายเข้าถึงทุกวัย “ทำให้คนรุ่นใหม่และนักเล่นพนันรุ่นเก่า” ต่างอพยพเข้าไปเป็นลูกค้าตามเว็บพนันทุกวัน เพราะต้องเข้าใจว่า “จักรวาลการพนันกว้างใหญ่” มีรูปแบบการเสี่ยงโชคหลากหลายให้เลือกเล่นตามแต่ใจ

ไม่ว่าจะเป็น “การพนันหวย” สำหรับตอบสนองคนรุ่นเก่านิยมเล่น “การพนันทายผล” เพื่อตอบโจทย์วัยกลางคนจนถึงคนรุ่นเก่า “เกม” ก็เป็นคนรุ่นใหม่หันมาเล่นเยอะขึ้นส่วนหนึ่งเพราะการบังคับใช้กฎหมายมีปัญหาด้วย

หากย้อนดู “ตัวเลขคนรุ่นใหม่กับการเล่นพนัน” ก็มีงานวิจัยอ้างอิงจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันชี้ให้เห็นสถานการณ์เด็กเยาวชนอายุ 15-25 ปี “1 ใน 3 ของคนรุ่นใหม่ หรือ 3 ล้านคนเล่นพนันออนไลน์” ส่วนใหญ่จะเล่นสลอต หวย สลากกินแบ่งรัฐบาล ไพ่ และทายผลฟุตบอล อันเป็นการพนันยอดนิยมของคนรุ่นนี้

ถัดมาในส่วน “ปัจจัยเว็บการพนันประสบความสำเร็จ” แน่นอนว่ามักมาจากการทำกลยุทธ์ทางการตลาด และการโฆษณาให้โดดเด่นแล้วคนรุ่นใหม่กว่า 88% จะพบเห็นโฆษณาหรือได้รับการชักชวน 44% รู้สึกอยากลองเล่น 26% ลองคลิกเข้าไปดูตามโฆษณา และ 14% ตัดสินใจลองเข้าไปเล่นพนันออนไลน์เลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่น่าวิตกกังวลกว่านั้นคือ “การพนันเป็นสิ่งเสพติดเมื่อติดแล้วเลิกยาก” เพราะเรื่องนี้วงการแพทย์ออกมายืนยันชัดเจนว่า “ผู้ติดพนันมักโหยหาต้องเล่น” หากไม่ได้เล่นบางคนมีอาการลงแดงบังคับห้ามใจตัวเองไม่ได้ “จำนวนนี้มีเด็กเยาวชนกว่า 4.5 แสนคน” ที่ต้องสูญเสียการควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง

ถ้าหากวิเคราะห์ “กลยุทธ์ในการสื่อสารของเว็บการพนัน” มักปรากฏคำที่วัยรุ่นชอบใช้คือ “FIN” มีความหมายคือ “ตัว F” มาจาก Fake News อันเป็นข่าวลวงให้ข้อมูลเท็จในการสื่อสารจูงใจ เช่น แจ็กพอตแตกเร็วแตกง่าย ลงทุนน้อยได้เงินมาก จ่ายจริง น่าเชื่อถือ และบางเว็บกล่าวอ้างว่าเว็บตัวเองถูกกฎหมายก็มีด้วยซ้ำ

ต่อมาคือ “ตัว I” มาจากอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) อันเป็นรูปแบบ การทำการตลาดสมัยใหม่ ใช้ผู้มีอิทธิพลในโลกโซเชียลตามแพลตฟอร์มต่างๆ เข้ามาโน้มนำให้คนทำตาม “ตัว N” ที่มาจาก normalized เสนอแนวคิดให้การพนันเป็นเรื่องธรรมดา เช่น ไม่เล่นจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง สิ่งนี้พยายามทำให้เป็นปกติทางสังคมรูปแบบใหม่

ย้ำจุดที่ทำให้ “การโฆษณาเว็บพนันในปัจจุบันประสบความสำเร็จ” เพราะด้วยธุรกิจนี้มักมีการศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้ามาก่อน “ด้วยการใช้หลักจิตวิทยาการพนันมาช่วยสร้างแรงจูงใจ” แล้วเรื่องนี้ก็มีงานวิชาการเคยศึกษาไว้ “รูปแบบโจมตีจุดอ่อนเท่ากับชุดความเชื่อ” สามารถแยกออกได้เป็น 7 อคติ

ข้อ 1.อคติแบบเชื่อมั่นในตัวเองเกินจริง อย่างเช่นคิดว่าตัวเองแน่ขั้นเทพจนทำให้ประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินจริงกล้าเสี่ยงตัดสินใจ

โดยบางครั้งไตร่ตรองไม่รอบคอบ 2.อคติการหักห้ามใจ ที่มีปัญหาจากการควบคุมจิตใจ เช่น คิดว่าเล่นครั้งสองครั้งไม่น่าจะมีอะไร สามารถที่จะหยุดเล่นได้ แต่สุดท้ายก็ติดพนันโดยไม่รู้ตัว

แล้ว 3.อคติแบบมองเห็นแต่ผู้รอด ตามปกติคนมักมองเฉพาะผู้เล่นชนะได้เงินเท่านั้น ตัวอย่างคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 สื่อมักหยิบเป็นข่าวเฉพาะคนได้รางวัล ทั้งที่จริงคนเล่นเสียมากกว่ากลับไม่เคยตกเป็นข่าว

ข้อ 4.อคติแบบเลือกใส่ใจเฉพาะอย่าง เป็นอาการเลือกจดจำเฉพาะตอนที่ชนะได้เงิน ลักษณะสมองหลอกตัวเอง แต่ในช่วงเสียการพนันกลับไม่เคยจดจำ

5.อคติยืนยันความเชื่อ เป็นลักษณะการหาเหตุผลสนับสนุนตัวเองสารพัดหวังจะถูกหวย หรือชนะพนันที่เกิดจากความเชื่อแบบนั้นแบบนี้

ข้อ 6.อคติแบบตามแห่ อันเป็นพฤติกรรมทำตามคนอื่น เช่น กรณีคนซื้อลอตเตอรี่ถูกรางวัลที่ 1 ร้านนี้แล้วโปรโมตเป็นข่าวทำให้คนแห่ไปซื้อกันมากมาย

ข้อ 7.อคติแบบหวังรางวัลระยะสั้น ด้วยเพราะเคยทำงานหนักมาหลายปีแต่ไม่รวยสักทีเลยหวังเงินจากรางวัลที่ 1 ซึ่งล้วนเป็นอคติเกิดจากสมองหลอกชี้นำให้ตัดสินใจแบบผิดๆชั่วคราว

สิ่งนี้เป็นเหตุผลทางหลักวิชาการชี้ให้เห็นว่า “เว็บพนัน” ส่วนใหญ่มีกลยุทธ์ในการสื่อสารโจมตีจุดอ่อนของความเชื่อให้เยาวชนและประชาชนคล้อยตามเข้ามา “เล่นจนถลําลึก” กลายเป็นติดการพนันเลิกไม่ได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องรู้เท่าทัน “ไม่หลงกลตกเป็นเหยื่อการพนัน” ด้วยการหลวมตัวเข้าไปเล่นเป็นครั้งแรก

“เราต้องเข้าใจว่าธุรกิจการพนันเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ระดับโลกและมีเงินรายได้มหาศาล ทำให้มักมีกระบวนการศึกษาวิจัยสารพัดกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน พัฒนาเว็บพนันอยู่ตลอด ดังนั้นเว็บการพนันต่างๆในปัจจุบันทำตามผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เคยมีบทเรียนมาก่อนทั้งสิ้น” ธนากรว่า

ประเด็นว่า “คนไทยจำนวนมากติดการพนันแบบไม่รู้ตัว” เรื่องนี้จิตแพทย์มีข้อเท็จจริงชัดเจนว่าผู้ติดพนันเป็นผู้ป่วยลักษณะคล้ายการติดยาเสพติดไม่สามารถเลิกเองได้ ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาประมาณ 2 เดือนอย่างต่อเนื่อง และต้องติดตามอาการ หากไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันภายใน 1 ปีก็ถือว่าหลุดพ้นจากวงจรนั้น

ปัญหามีอยู่ว่า “กระบวนการรักษามีต้นทุน” ตามการประเมินของสหรัฐ อเมริกานั้น “ผู้ติดการพนัน 1 คนสร้างภาระให้สังคม 1 ล้านบาท/ปี” ไม่ว่า จะเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายของตำรวจ ศาล และแพทย์ ที่สังคมต้องมาแบกรับกับปัญหาติดการพนัน แล้วยิ่งหากบุคคลนั้นเลิกไม่ได้ย่อมทำให้ต้นทุนนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

หากย้อนดูตัวเลข “เยาวชนติดการพนันกว่า 4.5 แสนคน/ปี” ก็เท่ากับสังคมสูญเสียประโยชน์ที่จะได้รับการพัฒนาประเทศ 4.5 แสนล้านบาท/ปี แล้วตัวเลขนี้ยังไม่รวมประชาชนทั่วไปติดการพนันอีก 5 ล้านคน สิ่งนี้เป็นสาเหตุให้เราต้องช่วยกันหยุดวงจรการพนัน “มิให้คนไทยติดกับดัก” เพราะเข้าไปแล้วมักจะถลําลึกเลิกได้ยาก

สุดท้ายฝากไว้ว่า “ความทุกข์จากการพนันมักมีโอกาสคิดสั้น” ด้วยคนกลุ่มนี้อยู่ในสภาวะตกต่ำดิ่งลงเหว ดังนั้น ตอนนี้เราไม่ต้องการให้การพนันมาเป็นสิ่งแวดล้อมหลักในสังคมที่กำลังจะนำขึ้นมาทำให้ถูกกฎหมาย “ยกข้ออ้างทางเศรษฐกิจมาเป็นตัวนำ” เพราะอะไรก็ตามภาครัฐนำขึ้นมามักมีผลประโยชน์จนถอดถอนออกได้ยาก

นี่จึงจะเป็นสิ่งที่อยู่กับสังคมไปอีกนานจาก “การตัดสินใจของรัฐบาลในวันนี้” ที่จะมีผลระยะยาวสู่อนาคตที่ “เยาวชน” จะเอาหรือไม่เอา เป็นสิทธิของท่านต้องตัดสินใจแล้วส่งสัญญาณถึงผู้นำประเทศ



ผู้ตั้งกระทู้ rty :: วันที่ลงประกาศ 2024-05-10 10:07:52


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล